
หลายๆท่านคงเคยคิดที่ลองทานเห็ดหลินจือ เพื่อบำรุงสขภาพและดูแลร่างกาย ในสมัยก่อนการทานเห็ดหลินจือ มักนิยมนำมาต้มในน้ำเดือดและทานแบบยาจีน
สรรพคุณของเห็ดหลินจือ
แต่ในปัจจุบันมีการสกัดเห็ดหลินจือแบบแคปซูล เพื่อให้ทานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่า เห็ดหลินจือนั้นมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง
ลำดับ | สรรพคุณเห็ดหลินจือ | |
---|---|---|
1 | ![]() |
เห็ดหลินจือใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย |
2 | ![]() |
การทานเห็ดหลินจือเป็นประจำช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สีหน้าแจ่มใส |
3 | ![]() |
เห็ดหลินจือมีสรรพคุณช่วยบำรุงและรักษาสายตา |
4 | ![]() |
ในประเทศจีนเห็ดหลินจือถูกใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้อายุยืนยาว |
5 | ![]() |
เห็ดหลินจือมีสรรพคุณช่วยชะลอแก่ ชะลอวัยทำให้อ่อนเยาว์ อ่อนกว่า ในผู้ที่ทานเห็ดหลินจือเป็นประจำพบว่า จะอ่อนกว่าวัยและดูอ่อนเยาว์ |
6 | ![]() |
การทานเห็ดหลินจือเป็นประจำช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง |
7 | ![]() |
เห็ดหลืนจือช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น |
8 | ![]() |
เห็ดหลินจือช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น |
9 | ![]() |
การทานเห็ดหลินจือช่วยทำให้ความจำดีขึ้น |
10 | ![]() |
เห็ดหลินจือช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้นอนหลับได้สนิท หลับลึกมากขึ้น |
11 | ![]() |
ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ดีขึ้น |
12 | ![]() |
ช่วยรักษาและต่อต้านมะเร็งโดยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน 13.กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง |
13 | ![]() |
ช่วยแก้พิษจากรังสี คีโม เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำจากคีโม ท้องเสียอักเสบจากการฉายรังสี อาการปวดจากพิษบาดแผล |
14 | ![]() |
ช่วยลดความดันโลหิตและรักษาโรคความดันโลหิตสูง |
15 | ![]() |
ช่วยปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำให้สมดุล |
16 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ |
17 | ![]() |
ช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตัน ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต |
18 | ![]() |
ช่วยลดไขมันในเลือด |
19 | ![]() |
ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาทให้ทุเลาลง |
20 | ![]() |
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน |
21 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด |
22 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคประสาท |
23 | ![]() |
ช่วยบำรุงตับและรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ |
24 | ![]() |
เห็ดหลินจือรักษาโรคไตเรื้อรังบางชนิด โดยช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีขึ้น |
25 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคลมบ้าหมู |
26 | ![]() |
ช่วยแก้อาการอาหารเป็นพิษ |
27 | ![]() |
ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ |
28 | ![]() |
ช่วยขับปัสสาวะ |
29 | ![]() |
ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร |
30 | ![]() |
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ |
31 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคเกาต์ |
32 | ![]() |
ช่วยสลายใยแผลเป็นหรือพังผืดหดยืด ทำให้ใยแผลเป็นอ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลง |
33 | ![]() |
ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสอย่างเช่น ไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด |
34 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคลูปัส อีริทีมาโตซัสทั่วร่าง (SLE) หรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ |
35 | ![]() |
ช่วยแก้อาการป่วยบนที่สูง เช่น อาการหูอื้อ |
36 | ![]() |
ช่วยรักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ |
37 | ![]() |
ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน |
38 | ![]() |
ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก |
39 | ![]() |
ช่วยป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ |
เห็ดหลินจือจัดเป็นสเตียรอยด์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีสารพิษหรือผลข้างเคียงเหมือนกับสเตียรอยด์สังเคราะห์
ข้อควรรู้และคำแนะนำ
เห็ดหลินจือเหมาะกับใคร? เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณที่ช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคซะเป็นส่วนใหญ่ มันจึงเหมาะกับโรคของผู้สูงอายุและวัยก่อนสูงอายุที่เป็นโรคดังกล่าวข้างต้น
เห็ดหลินจือสกัดรูปแบบของการรับประทาน แบ่งได้หลายรูปแบบ
แบบแรกเลยก็คือยาต้มแบบโบราณ ด้วยการนำเห็ดหลินจือที่แห้งนำมาต้มและเคี่ยว ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากและไม่สะดวก
แบบที่สอง คือเนื้อเห็ดหลินจือบดเป็นผงบรรจุแคปซูล หากไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้ โดยรูปแบบนี้จะมีความเข้มน้อยและดูดซึมได้ยาก แบบที่สามซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ เห็ดหลินจือสกัดหรือสารสกัดจากเห็ดหลินจือแคปซูล ซึ่งจะได้สารสกัดที่เข้มข้น มีสรรพคุณที่ดีกว่า ดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ที่สำคัญก็คือมีมาตรฐานการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย
เห็ดหลินจือกินอย่างไร ?
สำหรับเวลาที่เหมาะสมก็คือการรับประทานตอนเช้าในขณะที่ท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ ถ้าทานร่วมกับวิตามินซีด้วยก็จะดีมากเพราะจะช่วยเสริมสรรพคุณ และสำหรับผู้ที่ต้องกินยากดภูมิต้านทานหรือผู้ที่เป็นโรค SLE หรือผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะควรงดรับประทาน
ผลข้างเคียงของเห็ดหลินจือ
ผลข้างเคียงของเห็ดหลินจือhttps://thai-reishi.com/16-อาการแพ้เห็ดหลินจือ/
สำหรับผู้ที่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือใหม่ ๆ อาจจะรู้สึกเวียนศีรษะ อาเจียน ง่วงนอน ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย ผิวหนังเกิดอาการคัน เป็นต้น แต่ก็ถือเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่เป็นเรื่องปกติของการบำบัดด้วยสมุนไพร เมื่อตัวยาเข้าไปในร่างกายจะเข้าไปชำระล้างสารพิษต่าง ๆ ให้สลายไป หรือเคลื่อนไปช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติดังกล่าว ซึ่งอาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 2-7 วันก็จะกลับสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน หากมีอาการคุณสามารถรับประทานต่อไปได้เลย แต่หากมีอาการมากก็ควรลดปริมาณลงจนกว่าอาการจะเป็นปกติ และให้รับประทานตามคำแนะนำต่อไป และสำหรับผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ก็สามารถรับประทานเห็ดชนิดนี้ควบคู่ไปได้